4.01.2009

ฝาเลนส์ ฝ่าเลน


พาดโรฑีลงไปเที่ยวกระบี่มาครับ สนุกมากๆ คราวที่แล้วที่พาไปด้วยตอนลงไปพูดที่ภูเก็ตนั้นดโรฑีเพิ่งจะห้าเดือน เห็นทะเลครั้งแรกคราวนั้นยังสนุกสนานซะมากมาย คราวนี้วิ่งได้แล้วยิ่งเริงร่าเข้าไปใหญ่ วิ่งลุยคลื่นเล่นตักทรายอยู่ที่หาดของโรงแรมอยู่เป็นชั่วโมงไม่เหน็ดเหนื่อย ทรายเป็นของใหม่สำหรับเธอ เธอชอบเล่นทรายมากขนาดพอกลับเข้ามาในห้องพักเห็นพื้นคอนกรีตโรยกรวดบนเฉลียงนอกห้องก็ยังนึกว่าเป็นทรายรีบกลับเข้าห้องไปคว้ากระป๋องทรายกับที่ขุดคู่ใจออกมาขุดทันที สักพักรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทรายก็ทำเขินเอียงอายขว้างที่ตักพร้อมส่งเสียงต่อว่ากลบเกลื่อน


โรงแรมที่ไปพักมีหาดค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในกระบี่ แต่ที่แปลกไม่เหมือนที่อื่นคือมีบ่อและธารน้ำเล็กๆ ที่มีแต่เลน เขาคุยนักคุยหนาว่าเจ้าเลนที่อยู่รอบๆ โรงแรมนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อเพาะยุงอย่างเดียว หากแต่เป็นป่าชายเลนตามธรรมชาติดั้งเดิมที่โรงแรมตั้งใจอนุรักษ์ไว้ แต่เดิมเป็นบ้านแสนสุขของปลาตีนและสัตว์นานาชนิด ถือเป็นจุดขายข้อหนึ่งของโรงแรมนี้เลยทีเดียว แต่สภาพของป่าดูจะเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์ทสึนามิ ทำให้สัตว์เหล่านั้นย้ายออกไป เหลือแต่พืชและสัตว์ตระกูลเพรียงที่ไม่ได้มีอิสระในการเคลื่อนที่อย่างใครเขากับพวกปูซึ่งเป็นประเภทเก็บกวาดไม่เรื่องมากอยู่แล้ว


ถ่ายรูปดโรฑีเริงร่าชายหาดอยู่เกือบสามชั่วโมงจนพระอาทิตย์ตกจึงออกเดินกลับห้อง ระหว่างที่เดินบนทางเดินเลาะป่าชายเลนของโรงแรมฝาครอบเลนส์ของซูมตัวที่เพิ่งใช้ไปหลุดกระเด็นออกจากกล้อง

ฝานี้มี ปัญหามาพักใหญ่แล้ว รำๆ ว่าจะหล่นหายหลายครั้งแล้วในช่วงสิบสองปีของอายุเลนส์ แต่ก็กู้กลับมาได้ทุกครั้ง แถมตลอดกว่ายี่สิบปีที่ถ่ายรูปมา ทำฝาเลนส์หายไปแค่อันเดียว ทุกทีที่ตกก็ไม่เห็นมันจะเคยกลิ้ง แต่คราวนี้มันกลิ้งหลุนๆ หลบสิ่งกีดขวางต่างๆ จนตกลงไปจากสะพาน ลงไปในแอ่งเลนข้างล่าง

ใจหนึ่งว่า อย่าเลยดนพ นี่คงถึงคราวของมันแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ

พอดีภรรยาสุดที่รักเขาเป็นเดิอดเป็นร้อนแทน รำจะตะโกนเรียกให้พนักงานลงไปเก็บ แต่ผมเป็นประเภทพึ่งพาตนเอง เลนส์ของเรา เรากู้เอง จึงรีบเดินลงไปที่ตลิ่ง


อย่างแรกที่คิดก่อนจะกระโดดลงไปคือ มันไม่ได้สกปรกอย่างที่ผู้คนส่วนมากคิด ถึงมันจะดำก็จริงแต่ความดำนั้นหาใช่ความสกปรกไม่ ในเนื้อเลนประกอบไปด้วยสารอินทรีย์ต่างๆ มากมาย รวมไปถึงที่มีประโยชน์ก็มาก เลนจากบางที่ยังมีคนไปนำมาพอกตัวเพื่อประโยชน์ทางการรักษา เรื่องกลัวสกปรกก็หมดไป

อย่างที่สองคือ มันดูเหมือนจะง่าย คือ หนึ่งเท่าที่ดูด้วยตาเหมือนว่าน้ำจะไม่ลึกมาก ในแสงสลัวๆ มองเห็นเลนที่นอนก้นอยู่ชัดเจน เดาดูคร่าวๆ ว่าน่าจะลึกราวๆ สองฟุตกว่าๆ สองคือเมื่อดูจากลักษณะของภูมิประเทศรอบๆ แล้ว เดาว่าพื้นข้างล่างน่าจะเป็นหินมนๆ แบบเดียวกับที่อยู่ตามชายตลิ่ง ไม่มีอะไรน่ากลัว สาม ดูเหมือนน้ำจะนิ่งมาก ไม่เห็นวี่แววการเคลื่อนไหวของสัตว์ที่อาจเป็นอันตราย

สามคือ มันไม่น่าจะเป็นการทำลายหรือรบกวนธรรมชาติอย่างร้ายแรงอะไร เพราะไหนๆ สัตว์ต่างๆ ก็ย้ายกันออกไปตั้งแต่หลังทสึนามิแล้ว

นึกได้ดังนั้นก็จินตนาการไปว่าลงไปอาบโคลนสปา ว่าแล้วก็ก้าวลงไปจากตลิ่งทันที

ปรากฎว่าเท้าจมหายไปจนเกือบเสียหลัก พื้นที่มองเห็นเหมือนตื้นๆ นั้นเป็นเลนอ่อนๆ เหมิอนเป็นชั้นตะกอนหนาๆ ที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ ไม่ใช่พื้นดินอย่างที่คิดไว้ จึงต้องรีบก้าวอีกขาหนึ่งตามลงไปเพื่อไม่ให้เสียหลัก


พอรู้ตัวอีกทีปรากฎว่านายดนพมายืนอยู่ในเลนที่สูงถึงชายโครงเท้าข้างหนึ่งติดอยู่ในเลนข้างล่าง อีกข้างหนึ่งโชคดีกว่าเหยียบลงไปเจอหินเรียบๆ เลยพอทรงตัวอยู่ได้


แย่ล่ะสิ ดูท่ามันจะยากกว่าที่คิดไว้ แต่ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ลองดูสักตั้งหนึ่งแล้วกัน

ยกเท้าที่จมเลนอยู่ขึ้นมา ปรากฏว่ารองเท้าแตะแบบหุ้มส้นขาดทันใด พื้นยางส่วนหนาของรองเท้าไม่ยอมกลับขึ้นมาด้วย พอหาที่เหมาะๆ ได้ก็วางเท้าข้างที่กู้มาได้ลงไปแล้วเหยียบ

ผลปรากฎว่าเท้าที่อยู่ในรองเท้าไหลลื่นออกมาเหยียบเปลือกหอยหรืออะไรสักอย่างเข้าเต็มๆ นึกในใจว่าต้องเป็นเจ้าหอยขาวที่คุณยามเตือนไว้แน่นอน โอ้โฮมันคมจริงๆ นี่ขนาดเหยียบแค่เบาๆ ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือกระโดดตูมลงมาจากตลิ่งเลยมีหวังได้บอกลานิ้วเท้าสักนิ้วสองนิ้วแน่นอน


รู้สึกเจ็บแปลบตรงนิ้วโป้งขวา รู้ทันทีว่าโดนบาดค่อนข้างลึก เพราะมันไม่ได้แสบ แต่มีอาการตุบๆ ตามมาทันที ใจอยากจะยกเท้าขึ้นมาสำรวจความเสียหาย แต่ก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นก็คงจะเสียหลักหกคะเมนลงไปในเลน ดีไม่ดีคราวนี้อาจเสียอวัยวะอย่างอื่นที่อยู่สูงกว่านิ้วโป้งเท้า แป้งคงไม่ปลื้ม


ตัดสินใจเดินต่อไปอย่างทุลักทุเล เจ้าพื้นรองเท้าอีกข้างที่ยังเหลืออยู่ก็หลุดออกมาครึ่งหนึ่ง ทำท่าจะตามพี่ชายมันไป ที่จริงถ้าให้มันขาดหลุดไปเลยคงจะเดินง่ายกว่านั้นแต่พอดีไม่อยากเอาเศษยางไปทำลายธรรมชาติแถวนั้นเพิ่มขึ้นอีก เลยถนอมน้ำใจมันไว้แล้วประคองกันไปต่อไปจนมาถึงจุดที่เคยเห็นฝาเลนส์จมอยู่

ว่าแต่ว่า ทำไมมันถึงได้จม มันเป็นพลาสติกไม่ใช่หรือ ถ้ามันจมในน้ำจืดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันน้ำเค็ม มันยิ่งน่าจะลอยไม่ใช่หรือ กฎของการลอยมันว่ายังไงนะ ของทุกอย่างจะหยุดจมเมื่อความหนาแน่นของน้ำโดยรอบเท่ากับหรือมากกว่าความหนาแน่นของตัวมัน แล้วไอ้เจ้าฝาเลนส์นี่มันน่าจะลอยอยู่ลึกแค่ไหนหนอ คิดไว่้ว่า ถ้าหาเจอคงไม่ใช้ แต่จะเอาไปเก็บใส่กรอบไว้เป็นที่ระลึก


ปรากฎว่า หาไม่เจอครับ ยิ่งก้าวขา น้ำก็ยิ่งขุ่น โอกาสที่จะมองเห็นของที่จมอยู่ก็ยิ่งจะน้อยลงไปทุกที

ยามบนสะพานเขาบอกว่าให้รอหน่อย เพื่อนๆ เขากำลังเอาไฟฉายมาให้แล้ว ได้ยินอย่างนั้นถึงนึกได้ว่าเรานี่มันโง่ ไฟฉายในกระเป๋ากล้องเราก็มี กันน้ำซะด้วย ทำไมไม่รู้จักติดมือลงมาด้วย มัวแต่กลัวเมียโกรธ กลัวลูกรอ รีบร้อนลงมา ดูสิเมียก็พาลูกกลับห้องไปแล้ว ไม่มีใครที่จะวานให้ช่วยหยิบให้ได้


จึงต้องรอต่อไปท่ามกลางความมืดและฝูงยุง


ไฟฉายมาแล้ว สว่างโร่เลย แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ยังหาไม่เจออยู่ดี ขนาดเอามือลงไปแกว่างหาในระดับความลึกที่คิดว่ามันน่าจะลอยอยู่ก็ยังไม่เจอ เจ้ายุงพวกนี้มันก็ทรมาณจิตใจกันเสียเหลือเกิน เอาวะ พยายามแล้ว เลิกก็เลิก เลยให้คุณยามเขาเอาไฟฉายวิเศษส่องนำทางให้


สำรวจความเสียหาย แผลที่นิ้วเท้าลึกกว่าที่คิดไว้ คือ นิ้วโป้งเท้าแบะอ้าออกเหมือนกีบเท้าสัตว์ยาวประมาณนิ้วนึง ไม่แสบแต่เจ็บหน่วงๆ และที่น่าแปลกคือไม่มีเลือกออกให้เห็น มีแต่เลนดำๆ อัดอยู่ในปากแผลเต็มไปหมด เอ หรือว่าเลนมันจะมีสรรพคุณห้ามเลือดหนอ ตักไปทำยาขายจะมีคนซื้อไหมนะ

นึกว่า อย่างแย่สุดๆ คืออะไร คิดเอาเองว่าคงเป็นพยาธิตัวจี๊ดที่อาจฉวยโอกาสหลบเข้าไปในตัว สักวันอาจมาโผล่ที่ตาหรือสมอง เลยตั้งใจว่ากลับไปจะหายาถ่ายพยาธิทาน ที่เหลือเป็นรอยยุงกัด แต่ที่น่าแปลกคือไม่ได้บวมแดงเหมือนเวลายุงที่กรุงเทพกัด อย่างอื่นถ้าไม่มีอาการติดเชื้อก็คงไม่มีปัญหาอะไร


เดินย่องแย่งกลับมาถึงห้องโดนแป้งด่าเป็นชุด บอกว่าห้ามแล้วทำไมยังดื้อลงไปจนเท้าเจ็บอีก ทำไมไม่ให้คนอื่นลงไป อ้าว ของๆ เราเองจะให้คนอื่นเขาเสี่ยงตายลงไปงมได้อย่างไร จริงไหมครับ ก็ไม่ทราบ ผมทำหล่นลงไปเองแล้วเห็นว่ามันน่าจะยังพอกู้ได้ก็เลยลงไป ก็แค่นั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก จะไปหาซื้อใหม่ก็ไม่น่าจะเกินสามร้อยบาท หรือจะใช้ของ Mamiya สวมแทนก็ได้ เพราะเป็นขนาด 77มม. เหมือนกัน


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไปเที่ยวคราวหน้า จงเก็บเลนส์เทเลใหญ่ๆ ไว้ที่บ้าน เอาไปแต่พวกซูมอเนกประสงค์เช่น 24-70 และเทเลเล็กเช่น 135 หรือ 85 ไปแทน พอขนเลนส์ใหญ่ๆ ไป ขนาดของกระเป๋าอุปกรณ์ก็ต้องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย กระเป๋ายิ่งใหญ่ก็ไม่เพียงแต่จะเทอะทะเกะกะ ยังหนักอีกด้วย ทริปนี้ผมใช้ Billingham 445 แบบที่เป็น Nytex สาเหตุที่เลือกใบนี้ไปเป็นเพียงเพราะมันใส่กล้องพร้อมเลนส์เทเลยาวลงไปได้เลยโดยไม่ต้องถอดเลนส์ออกก่อน แต่ตัวกระเป๋าเปล่าๆ หนักประมาณ 1 กก. แล้ว ใส่อุปกรณ์ทุกอย่างลงไปหมด รวมอุปกรณ์เลี้ยงลูกด้วยก็จะหนักประมาณ 20 กก จัดว่าหนักเกินไป หนักพอๆ กับหากจะต้องขนเตียงนอนของดโรฑีไปด้วย ถ้าต้องสะพายกระเป๋าไป อุ้มดโรฑีไปด้วยอย่างที่ทำคราวนี้ แขนย่อมต้องล้าเป็นธรรมดา เป็นสาเหตุให้ซุ่มซ่าม ทำข้าวของตกหล่น เที่ยวไม่สนุกเท่าที่ควร ทริปหน้าว่าจะลองกลับไปใช้ Leica M ตัวน้อยตามเดิม พกใส่กระเป๋าทะเลหรือหย่อนลงไปในกระเป๋ากางเกงได้เลย เก็บมือไว้อุ้มลูกและเก็บแรงไว้สนุกกับเธอดีกว่า

9 comments:

Anonymous said...

ที่บอกให้ยามเก็บให้เพราะ อุปกรณ์เค้าครบกว่า มีทั้งไฟฉาย ทั้ง รองเท้าบู๊ท เชื่อว่า เค้าไม่โดนหอยบาดแน่ๆ
ทีหลังห้ามดื้อ เข้าใจมั๊ย
ไม่ปลื้มอย่างแรง

from your wife

water said...

ถ่ายภาพชายทะเลตอนกลางวันต้องปรับแสงอย่างไรเพื่อไม่ให้แสงจ้าหรือมืดเกินไป หรือต้องใช้เลนส์แบบไหนเป็นพิเศษ โดยสามารถเก็บบรรยากาศของภาพได้ครบถ้วนสมบูรณ์

_____รบกวนคุณดนพช่วยตอบ____

Danop said...

คุณ water ครับ
ปัญหาหลักของการถ่ายภาพบริเวณชายหาดตอนกลางวันนั้นเป็นเรื่องของ contrast หรือความแตกต่างของความสว่างในบริเวณที่รับแสงกับบริเวณที่อยู่ในร่มเงา

วัตถุรับภาพที่เราใช้กันอยู่ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มหรือจอรับภาพในกล้องดิจิตอลสามารถบันทึกความต่างที่ว่านี้ได้ในระดับที่จำกัด คือจุดที่สว่างที่สุดเป็นราวๆ 4 ถึง 8 เท่าของจุดที่วัตถุรับภาพเห็นว่ามืดที่สุดในภาพ
หากภาพที่เราพยายามจะถ่าย (และผลลัพธ์ที่เราต้องการ) มีความต่างของระดับความสว่างเกินกว่านี้ วัตถุรับภาพจะบันทึกบริเวณดังกล่าวเป็นมืดไป underexposed หรือ สว่างไป overexposed

สภาพแสงแถวชายหาดมีความต่างของระดับความสว่างมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการที่จะให้ได้ภาพที่ดีนั้น เราจำเป็นต้องทำให้รายละเอียดทุกอย่างที่เราต้องการจะบันทึกมารวมอยู่ด้วยกันในขอบเขตที่วัตถุรัปภาพของเราบันทึกได้ ซึ่งโดยมากแล้วเราจะต้องการบันทึกทิวทัศน์ท้องฟ้าพื้นน้ำซึ่งสว่างมากพร้อมๆ กับใบหน้าของนางแบบที่มักอยู่ในร่มเงา หรืออาจมีทั้งส่วนที่สว่างมากและมืดมากอยู่ด้วยกัน

หากเราปรับกล้องให้บันทึกบริเวณใบหน้านางแบบ ทิวทัศน์ที่สว่างกว่านั้นก็จะปรากฎเป็นสว่างเกินไป แต่หากเราปรับโดยใช้ทิวทัศน์เป็นหลัก หน้าของนายแบบของเราก็จะมืดไป

เราไม่สามารถไปเพิ่มหรือลดความสว่างของแสงแดดที่ส่องบนทิวทัศน์ด้านหลังได้ แต่เราสามารถเพิ่มความสว่างให้กับหน้าของนางแบบและวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ เราได้เพื่อนำให้บริเวณเหล่านั้นในภาพสว่างขึ้นจนอยู่ในระดับที่วัตถุรับภาพของเราสามารถบันทึกได้พร้อมๆ กับบริเวณที่เป็นทิวทัศน์สว่างๆ

วิธีง่ายสุดคือการใช้แผ่นสะท้อนแสงหรือ reflector ซึ่งอาจเป็นแบบที่ขายในร้านขายอุปกรณ์ถ่ายภาพ หรือวัสดุที่หาได้ในบริเวณนั้นเช่นกระดาษขาว ร่มชายหาด กำแพงขาวๆ หรือแม้กระทั่งพื้นทรายของชายหาดเอง โดยการนำวัตถุเหล่านั้นเข้าไปใกล้ๆ กับบริเวณที่มืดไปของหน้านางแบบ หรือพานางแบบของเราไปใกล้กับวัตถุเหล่านั้น เช่นกำแพงหรือพื้น
แสงที่สะท้อนจากวัตถุเหล่านี้จะทำให้บริเวณมืดสุดในภาพของเราไม่มืดเกินไปอีกต่อไป ปรับค่า exposure ของกล้องโดยใช้ทิวทัศน์เป็นหลักหรือเพิ่มความเร็วชัตเตอร์ให้มากกว่าที่อ่านได้อีกเล็กน้อย จะทำให้ได้ภาพท้องฟ้าที่มีสีเข้มข้นขึ้น ส่วนบริเวณหน้าของนางแบบปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแสงที่สะท้อนจากแผ่นสะท้อนแสงของเรา
หรือหากอยากได้หน้าของนางแบบเป็นหลักก็วัดแสงที่บริเวณหน้าในส่วนที่ได้รับแสงสะท้อนแล้วปรับค่าตามนั้นหรือช้ากว่าที่อ่านได้เล็กน้อย
หากใช้กล้องคอมแพคก็ถ่ายได้เลย ไม่ต้องคิดอะไร แผ่นสะท้อนแสงจะช่วยคุณเอง

ลองปรับมุมของแผ่นสะท้อนแสงให้ได้ความสว่างและทิศทางของแสงที่จะทำให้นางแบบของคุณดูดีที่สุด หรือให้ได้ภาพอย่างที่คุณต้องการ

หากมีกล้องแบบปรับค่าเองได้และหัวแฟลชติดตัวไปก็ง่ายเหมือนกันครับ mode TTL แล้วถ่ายเลย กล้องสมัยใหม่ น่าจะทำการวัดแสงในบริเวณภาพโดยรวมและยิงแฟลชเพื่อเติมความสว่างในบริเวณที่มืดไปในปริมาณที่ถูกต้องให้เอง หากภาพที่กล้องมันคิดแทนให้คุณมันไม่ได้อย่างที่ต้องการก็ลองปรับค่าการชดเชยแสงที่ตัวแฟลชหรือที่ระบบวัดแสงของตัวกล้องดูครับ หรือลองใช้ค่าที่กล้องตั้งให้มาเป็นแบบในการตั้งค่าของคุณเองใน manual mode ก็ได้ครับ

กล้องดิจิตอลถ่ายแล้วเห็นผลลัพธ์ทันที ง่ายครับลองปรับค่าดูแล้วศึกษาผลที่ได้ เดี๋ยวเดียวก็เข้าใจครับ

water said...

งานวันเข้าพรรษานี้คุณดนพจะมีรูปถ่ายมาฝากกันไหม

Anonymous said...

Cute story

BJ said...

สวัสดีคุณดณพ และคุณแป้งผู้น่ารักค่ะ

หนึ่งแม่ภุชงค์-ชมภูมิ แม่สองหนุ่ม ที่แวะไปถ่ายรูปวันอาทิตย์ที่ผ่านมานะคะ
ชอบอัธยาศัยคุณแป้งและคุณลุงมากๆ

... ปีหน้าไปอีกรอบนะค้า

danop said...

ขอบคุณครับ
แล้วจะรีบทำรูปของสองหนุ่มให้เสร็จครับ

BJ said...
This comment has been removed by the author.
BJ said...

กรี๊ดสลบ
วันนี้คุณแป้งแปะรูปไว้ในเว็บแล้วค่ะ
น่ารักที่สุดเลย

ชอบมากๆ พร้อมกับความเกรงใจคุณช่างภาพมากมาย
ปีหน้าขอไปถ่ายอีกนะคะ

ไม่รับราคานี้แล้วนะคะ
ขอราคาเต็มดีกว่า

แหะๆ ... เกรงใจคุณดนพ สุดๆ