7.14.2008

ขอต้อนรับสู่ KD Sherbet Photography: A Baby Shooter's Blog

เริ่มเดือนใหม่โดยการไปตั้งกองถ่ายนอกสถานที่ เก็บภาพน่ารักของลูกหลานสมาชิกเวบบอร์ด LSQ เกือบ 20 ครอบครัวในบ่ายวันเดียว เล่นเอาช่างภาพเกิอบหงายท้อง ปกติถ่ายครอบครัวละสองชั่วโมง มาคราวนี้ถ่ายสอง setup 20 บ้าน สนุกสนานราวงานมหกรรม 


อุปกรณ์ที่เตรียมไปเป็น strobe ของ Elinchrom กับซอฟท์บ๊อกซ์ ร่มไหม รีเฟลกขนาดกลาง ขาไฟ อุปกรณ์ยึดจับ ฉากหลัง muslin และขาตั้งพร้อมที่ม้วนฉาก เลนส์คู่ใจอีกประมาณนึง พร้อมกล้องดิจิตอลและกล้องฟิล์มอีกอย่างละตัว แต่เดิมว่าจะเอากล้อง Mamiya 6x7 ไปแต่มาคิดดูแล้วกลัวจะเป็นภาระ ไม่เหมาะกับงานนอกสถานที่เลยไม่เอาไปด้วย งานนี้เล่นเอารถ Honda คันน้อยเกือบเต็ม ต้องพับ baby seat ของดโรฑีเก็บไปก่อนทำให้ไม่สามารถพาดโรฑีไปด้วยได้ ขนไปได้แต่ภรรยา อุปกรณ์ และเครื่องแต่งกายเด็กกับพรอพนิดๆ หน่อยๆ


lighting setup คราวนี้ช่างภาพได้ทำการซ้อมปรับปรุงและทดสอบมาก่อนหน้าแล้วประมาณเดือนนึง ให้สภาพแสงนุ่มพร้อมทั้งแน้นความกลมกลึงของทารกได้อย่างดี ไม่มีเงาดำ แต่ให้ความแตกต่างระหว่าง subject กับ background ได้ชัดเจน (ดูภาพทดสอบที่ดโรฑีเป็นแบบให้)


สถานที่จริงเป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัวที่มีมุมสนุกไว้ให้เด็กๆ เล่นกัน มีลูกค้าเด็กๆ เล่นกันพลุกพล่าน การขนย้ายอุปกรณ์เข้าไปในร้านไม่ยากเย็นนัก กลับลงไปที่รถแค่สองเที่ยวก็ขนขึ้นมาได้หมด แต่การจัด setup นั้นอีกเป็นอีกเรื่องนึง บริเวณที่ทางเจ้าของสถานที่จัดไว้ให้แคบกว่าที่คิดไว้ ไม่สามาถทิ้งระยะไฟได้ตามอย่าง setup ที่ออกแบบไว้ เลยต้องมาออกแบบกันใหม่เดี๋ยวนั้น มีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้ไม่ได้สภาพแสงอย่างที่ต้องการ แต่ถึงอย่างไรก็มีลูกค้ามารออยู่แล้วส่วนหนึ่ง ให้เขาทานอาหารกันไปก่อน ระหว่างที่ช่างภาพทดสอบ setup และ แป้งนั่งรถไฟฟ้ากลับไปรับดโรฑีที่บ้านพร้อมพาคุณยายมาเป็นพี่เลี้ยงด้วย 

เมื่อมากันพร้อมแล้วจึงเริ่มถ่าย เพราะต้องรอแป้งมาช่วยจัดคิว



ปรากฎว่านอกจาก lighting จะไม่ได้อย่างใจแล้วยังไม่มีพื้นที่ให้ใช้เลนส์เทเลอัตโนมัติที่เตรียมมาอีกด้วย ลูกค้าครอบครัวแรกผ่านไปอย่างโอเค คือไม่ได้ดีเลฺิศ ช่างภาพไม่ถูกใจกับภาพที่ได้เลย ระหว่างถ่ายครอบครัวที่สองเลยทดลองปรับไฟไปด้วยเป็นระยะ ก็ได้แสงที่ดีขึ้นมาหน่อย แต่ระยะก็ยังไม่ได้อยู่ดี ในที่สุดก็เลยตัดสินใจว่าใช้เลนส์แมนนวลเป็นเทเลระยะต้นถ่ายดีกว่า ภาพที่ออกมาก็ดีขึ้นสมใจ แต่ช่างภาพต้องทำงานหนักขึ้นหน่อยเพราะไม่ใช่เลนส์แบบอัตโนมัติ ต้องปรับโฟกัสและหน้ากล้องเอง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ทำให้งานยากขึ้นเพราะโดยส่วนตัวแล้วช่างภาพไม่ชอบใช้เลนส์ออโต้อยู่แล้วเพราะถ่ายภาพโดยใช้กล้องฟิล์ม 120 และกล้อง rangefinder เป็นหลัก แต่ที่เตรียมเลนส์ออโต้ไปคราวนี้ก็เพราะคิดว่าน่าจะถ่ายภาพเด็กซนๆ ได้ง่ายขึ้น ที่สุดก็ไม่ได้ใช้


การถ่ายภาพเด็กด้วยเลนส์แมนวลเป็นการออกกำลังกายที่ดีแบบหนึ่ง เพราะต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายมาช่วยในการปรับโฟกัสด้วย ใช้มือหมุนเลนส์เพื่อโฟกัสอย่างเดียวนั้นตามเด็กๆ ไม่ทัน


ลูกค้าทุกท่านใจเย็นและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บ้างก็เล่นกับลูกไปบ้างก็ให้นมลูกไปขณะที่รอส่วนที่เหลือก็มาที่ setup มาช่วยหลอกล่อลูกของลูกค้าท่านอื่นที่กำลังถ่ายอยู่ให้ในขณะที่ยังไม่ถึงคิวของตัวเอง ส่วนบางคนที่ลูกน้อยรอจนหลับไปก็ยอมให้ท่านอื่นลัดคิวไปก่อนแล้วค่อยมาถ่ายทีหลังเมื่อลูกตื่นแล้ว ทุกอย่างจึงสำเร็จลงได้อย่างราบรื่นไม่มีการเสียน้ำตา ขอบพระคุณทุกๆ 

ท่านสำหรับความรัก ความอดทน และความเข้าใจ


การเก็บของกลับนั้นยากกว่าตอนขามาเพราะถ่ายงานมาทั้งวันและเหนื่อยมากแล้ว ขามายังมากันได้แค่สองคนกับอุปกรณ์ แต่ขากลับมีคุณยายกับดโรฑีเพิ่มมาอีกสองคน แล้วยังมีของขวัญต่างๆ ที่ลูกค้าใจดีทุกท่านนำมาให้อีกหลายกล่องใหญ่ เอ แล้วจะกลับบ้านกันอย่างไรดีหนอ . . . ช่างภาพเลยตัดสินใจแบกอุปกรณ์บางส่วนขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปเอง ให้คุณยายขับรถพาแป้งและดโรฑีกลับบ้านไปก่อน

กว่าช่างภาพเองจะเดินจากสถานีรถไฟฟ้ากลับถึงบ้านพร้อมอุปกรณ์ขาเกือบลาก หนักมาก หรือว่าเราจะแก่แล้วจริงๆ แต่ก่อนแบกอุปกรณ์หนักกว่านี้เข้าป่าที่เมืองนอกไปได้ทีนึงหลายๆ วัน มาเดี๋ยวนี้แค่เดินเข้าซอยก็จะไม่ไหวแล้วหรือ


กลับมาที่ทำงาน (aka. บ้าน) อุ้มลูกมือนึง อีกมือก็ edit รูปไปด้วยภาพส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรมาก และโดยส่วนตัวไม่ชอบแก้ไขภาพให้ผิดธรรมชาติอยู่แล้ว จึงเหลือแค่การปรับแต่งน้ำหนักภาพและออกแบบโทนสีเป็นหลัก ลูกสาวคนดีเห็นพ่อนั่งเพ่งรูปเด็

กคนอื่นอยู่บนจอก็ส่งเสียงประท้วงพร้อมพยายามยื่นมือและเท้าเข้ามาช่วย (ขัดขวางการ) แต่งภาพด้วย

 ดูเธอจะชอบคอมฯ คิดว่าถ้าดโรฑีจับ mouse ได้เมื่อไหร่จะได้ใช้เป็นลูกมือซะเลย


การแต่งภาพขั้นแรกเสร็จเร็วกว่าที่คิดแค่นั่งทำอยู่สองคืนก็เรียบร้อย มานึกๆ ดูงานแค่นี้ก็ง่ายกว่่าแต่ก่อนมาก เมื่อก่อนนี้สมัยทำงานภาพยนตร์เวลาจะลบคน สายสลิง หรือตึกออกจากภาพ ต้องลบมันออกจากทุกเฟรม ภาพยนตร์ที่เราเห็นกันนั้นประกอบไปด้วยภาพนิ่งเล่นต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง 24 ภาพในทุกๆ หนึ่งวินาที เวลาจะลบอะไรออก ก็ต้องมานั่ง retouch ออกทุกๆ สามหรือห้าเฟรมไป บางทีก็ต้องลบทุกเฟรม และต้องทำให้เนี๊ยบสุดๆ อีกด้วยไม่งั้นคนดูจะเห็นรอยยุ๊กยิกในบริเวณที่ถูกแก้ไข แต่สำหรับงานภาพนิ่งแล้ว retouch แต่รูปต่อรูปเอาให้เนี๊ยบที่สุดเป็นเสร็จงาน