7.30.2008

ว่าด้วยกล้อง


บางท่านสงสัยว่า ผมใช้อุปกรณ์อะไรในงานถ่ายภาพเด็ก ล่าสุดเป็นคุณแม่ของลูกค้าตัวน้อยที่เพิ่งแวะมาที่ loft ของเรา หลังจากที่เห็นกล่องอุปกรณ์ของผมแล้วก็สงสัยว่าเจ้าดนพนี่มันมีกล้องกี่ตัวกันแน่ คงสงสัยด้วยว่าหรือมันจะมีกล้องสำหรับแอบถ่ายซ่อนไว้ในห้องน้ำลูกค้าด้วย ที่จริงแล้วมีไม่มากครับ และไอ้ที่อยู่ในห้องน้ำนั้นถ้าหาเจอมันไม่ใช่ของผมครับ (ล้อเล่นครับ ไม่มีหรอก) ที่ดูเหมือนมากนั้นเป็นเพราะผมมักจะขนอุปกรณ์ที่มีไปทำงานด้วยเกือบทั้งหมดในคราวเดียวเหมือนบ้าหอบฟาง เหตุผลคือ เราไม่รู้ว่าเราอาจมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งขึ้นมาเมื่อไร แต่ละชิ้นก็ล้วนแต่มีความสามารถเฉพาะของมันเหมาะสมกับแต่ละประเภทงาน แต่ที่สำคัญที่สุดคือมันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากถูกทิ้งไว้ในตู้เก็บที่บ้าน ไม่ได้เอาไปทำงานด้วย


เรื่องของเรื่องคือ ผมใช้อะไรไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเขา อุปกรณ์ส่วนใหญ่ของผมเป็นของตกทอดมาจากยุคฟิล์มบางชิ้นใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนบางชิ้นมาซื้อเพิ่มเติมทีหลังตามความค้องการของงานหรือเพื่อการทดลองที่กำลังสนใจอยู่ในชณะนั้น ผมไม่ใช่นักสะสมกล้อง ผมมีกล้องไว้เพื่อใช้งาน และโดยส่วนตัวแล้วผมชอบวัดแสงและตั้งค่าด้วยตัวเอง ของที่เลือกใช้ส่วนใหญ่จึงไม่เน้นฟังก์ชั่นใหม่เลิศหรู แต่จะเน้นที่ความเที่ยงตรง ระบบควบคุม manual ที่ครบ ความคงทน และความถนัดมือขณะใช้งาน และทั้งหมดไม่ใช่กล้องรุ่นใหม่สุดแม้แต่ตอนที่เพิ่งซื้อมา ผมไม่ชอบเป็นหนูทดลองให้ใครและจะลงทุนเฉพาะกับอุปกรณ์ที่ (คนอื่นและตัวเอง) ทดสอบแล้วเท่านั้น


กล้องเป็นเพียงกล่องทึบแสงที่มีเลนส์ติดอยู่ข้างหนึ่งและมีสื่อรับภาพชนิดใดชนิดหนึ่งติดอยู่ด้านตรงข้าม ความสามารถอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการปรับความเร็วชัตเตอร์ โฟกัส และหน้ากล้องถือเป็นอุปกรณ์เสริมการขายทั้งสิ้น น่าแปลกที่ฟังก์ชั่นพิ้นฐานที่สุดที่กล้องพึงจะมีกลับถูกยกมาใส่ไว้ในกล้องรุ่นที่แพงขึ้น ส่วนกล้องระดับรองๆ ลงมากลับมีฟังก์ชั่นอัตโนมัติต่างๆ มากมาย กล้องยิ่งถูกยิ่งคิดแทนคุณวัดแสงปรับหน้ากล้องแทนให้ ส่วนกล้องแพงๆ กลับไม่ทำอะไรเหล่านั้นให้คุณเลย เหมือนว่าคุณจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้ฟังก์ชั่นน้อยลง แต่ที่จริงคือคุณจ่ายแพงกว่าเพื่ออิสระทางความคิด เพื่อให้สามารถสร้างภาพอย่างที่คุณต้องการได้สมใจ การถ่ายภาพเป็นงานที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์อาจจะไม่ต้องการฟังก์ชั่นพิศดาร แต่มันต้องการอิสระในการแสดงออก บริษัทผู้ผลิตกล้องคงเข้าใจข้อนี้ดีเลยสร้าง product line อย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน (กล้องราคาถูกคิดแทนคุณ)


กล้องที่ผมเห็นว่าสมบูรณ์แบบที่สุดที่ผมมีเป็นกล้องพิ้นฐานสุดๆ คือ

กล้อง Leica IIIa ซึ่งผลิตในปี 1935 ซึ่งตอนนี้ก็อายุ 70 กว่าปีเข้าไปแล้ว คือเรียกได้ว่าอยู่มาตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีฟิล์ม 35mm มาเลย IIIa ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าที่กล้องถ่ายภาพควรจะมี เป็นระบบไขลาน ไม่ต้องใช้ถ่าน ชัตเตอร์ทำจากผ้าใบเคลือบยาง เปลี่ยนเลนส์ได้และมีเลนส์คุณภาพสูงให้เลือกมากมาย เบา เล็ก เงียบ ทน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของมือเรา ใช้ง่ายทำให้เราสามารถจดจ่ออยู่กับภาพที่จะถ่ายได้เต็มที่ ปัจจุบันผมยังใช้กล้องนี้ถ่ายภาพครอบครัวอยู่ (ดูภาพแป้งในร้านอาหาร ถ่ายด้วยเลนส์ Elmar 50 3.5 ซึ่งเก่ากว่าตัวกล้องซะอีก)

หลายท่านอาจเห็นว่าแปลกที่ IIIa แม้จะเป็นกล้อง 35mm รุ่นแรกๆ ของโลกแต่ก็สามารถให้ภาพที่คุณภาพเหมือนกับที่ได้จากกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน แต่ที่จริงแล้วนั่นเป็นเพียงข้อพิสูจน์ว่า ภาพถ่ายที่ดีนั้นเกิดขึ้นโดยช่างภาพเป็นหลักไม่ใช่ด้วยตัวกล้อง


ที่คล้ายๆ กันและยังใช้ทำงานด้วยคือ Leica M3 ปี 1955 ซึ่งใหม่กว่า IIIa 20 ปีแต่การทำงานยังคล้าย

คลึงกัน สาเหตุที่ยังใช้ M3 ทำงานได้เป็นเพราะ M3 สามารถใช้กับเลนส์ในยุคปัจจุบันที่มีคุณภาพสูงได้ Leica M3 เงียบกว่า IIIa อีก แต่ขนาดเทอะทะไปหน่อย แต่กล้องนี้สามารถเก็บความรู้สึกและบรรยากาศลงเป็นภาพได้ดีเลิศ ภาพที่คุณเห็นในช่องมองภาพของมันไม่ใช่ภาพที่จะปรากฎบนฟิล์มเหมือนกล้อง SLR แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นแฝงอยู่เสมอ อธิบายยาก ภาพที่ถ่ายด้วย M3 เช่นภาพวัดพระแก้วและพระราชวังบางปะอิน


ส่วนกล้อง 35mm และ ดิจิตอลที่เหลือเป็นของ Nikon ทั้งหมดเพราะใช้เลนส์ชุดเดียวกันได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่สำหรับกล้องแต่ละตัว สำหรับฟิล์มผมใช้ FE2, F3HP และ F4s ส่วนดิจิตอลเป็น D200 และ D2Xs ซึ่งเป็นกล้องหลักในปัจจุบัน เพื่อนๆ ชอบถามว่าไม่อยากเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ๆ อย่าง D3 D300 หรือ D700 หรือ ผมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นครับ D2Xs สามารถแยกแยะความละเอียดได้สูงกว่ากล้องรุ่นใหม่ทั้งหมดที่ว่ามาคือ 2800lp สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน D3, 300 และ 700 คือระบบประมวลผลซึ่งปรับแต่งภาพให้ใสเด้งเกินจริงเหมือนมี Photoshop (หรือ CaptureNX) อยู่ในกล้อง ระบบปรับโฟกัสอัตโนมัติแบบใหม่ และสำหรับ D3 และ D700 คือจอรับภาพรุ่นใหม่ที่ให้ภาพในสัดส่วนเท่ากับกล้อง 35mm แต่นั่นก็หมายถึงว่ามันมีขนาด pitch ที่ห่างกว่า D2Xs ที่ใช้จอรับภาพขนาดเล็กกว่าทำให้ไม่สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ดีเท่า D2Xs (2600 vs 2800lp) ถึงแม้ว่าเม็ดรับภาพที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้ทั้งสองรุ่นมีความไวแสงสูงกว่า D2Xs มากก็ตาม งานของผมถ่ายที่ระดับความไวแสงต่ำ(ให้คุณภาพของภาพสูงกว่า) ผมปรับโฟกัสด้วยมือ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในกล้องใหม่ทั้งสามรุ่นจึงไม่มีผลต่อคุณภาพงานโดยรวมของผมเลย ส่วนความละเอียดสีที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 14 bit เรื่องนี้ยังตอบได้ไม่เต็มปากครับ แต่เอาเป็นว่า ภาพที่เราเห็นในภาพยนตร์เรื่องดังทั้งหลายนั้นเป็นภาพจากไฟล์ระบบ Cineon หรือ DPX ซึ่งให้ความละเอียดสีอยู่ที่ 10 bit เท่านั้น


ก็อีกนั่นแหละผู้คนก็ถามอีกว่าแล้วเรื่องความละเอียดของจอรับภาพล่ะดนพ? ทำไมไม่ใช้พวก 21MP อย่าง Canon EOS 1Ds mk III คงไม่ล่ะครับ แค่ชื่อรุ่นก็เวียนหัวพอแล้ว 1Ds mk III เป็นกล้องดีเลิศครับ ใครที่ใช้อยู่คงมีความสุขกับมันมาก และผมยอมรับว่าความสามารถในการแยกแยะรายละเอียดของมันสูงกว่า D2Xs อยู่พอตัว (2800 vs 3300lp) แต่ในระดับราคาที่สูงกว่ามาก แถมยังใช้กับเลนส์ประดามีที่ผมสะสมมาไม่ได้อีกด้วย

12MP ที่ใช้อยู่อัดขยายได้สูงสุดถึง 16x20 นิ้วซึ่งผมว่าใหญ่เกินพอสำหรับงานถ่ายภาพเด็ก แต่ถ้าหากลูกค้าท่านใดอยากได้ภาพลูกรักไปขยายติดข้างตึก 30 ชั้นจริงๆ ล่ะก็ ผมยังมี . . .


Mamiya RB67 ซึ่งใช้ฟิล์ม 120 ขนาดเดียวกับโรงหนัง IMAX ซึ่งเมื่อสแกนให้เป็นดิจิตอลหรือใช้กับจอรับภาพดิจิตอลซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมแล้วจะให้ขนาดภาพประมาณ 50MP ซึ่งน่าจะพอสำหรับงานพิมพ์ทุกชนิดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


อย่าลิมว่าภาพโปสเตอร์หนังดังๆ ของ Universal Pictures ส่วนใหญ่ถ่ายโดยนายJasin Boland ล้วนแล้วแต่มาจากกล้อง 12MP ทั้งสิ้น แต่ไม่ทราบว่านาย Jasin จะเลือกใช้ D2Xs ด้วยสาเหตุเดียวกับผมหรือจะเป็นเพราะภรรยาของเขาไม่ยอมให้ซื้อกล้องใหม่ก็ไม่ทราบ

ขอบพระคุณแฟนเพลงทุกท่าน

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม A Baby Shooter's Blog ของเราครับ ผล vote ของสัปดาห์แรกของเราออกมาแล้ว ถึงจะมีผู้อ่าน vote กันค่อนข้างน้อย แต่ผลก็ออกมาว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ต้องการอ่านเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพเด็ก ผมก็ยินดีจะจัดให้ตามนั้นครับ

สำหรับผู้อ่านบางท่านที่ไม่ทราบว่า vote อย่างไร ขอให้ดูด้านขวามือของหน้าจอนี้ จะเห็นหัวข้อลงคะแนนประจำสัปดาห์พร้อมตัวเลือก ชอบข้อไหนก็ลงคะแนนได้เลยครับ ใครๆ ก็ลงคะแนนได้ไม่ต้องเป็นสมาชิกครับ


ส่วนท่านที่เขียนมาขอให้แจ้งให้ทราบหากมีบทความใหม่ A Baby Shooter's Blog เป็นระบบ RSS หรือ Really Simple Syndicate ครับ นั่นหมายถึงท่านสามารถคลิกที่เครื่องหมาย RSS ที่อยู่ด้านขวามือของหน้าจอนี้เพื่อสมัครรับบทความของเราทาง email หรือทาง browser ที่รองรับระบบ RSS ได้ทันที ทุกครั้งที่มีบทความใหม่ระบบจะส่งบทความไปถึง mailbox ของท่านโดยอัตโนมัติ รับรองว่าไม่ต้องพลาดตอนหนึ่งตอนใดแน่นอนครับ บทความในส่วนที่เป็น RSS ของเราสามารถอ่านได้บนอุปกรณ์สื่อสารมือถือทุกชนิดที่รองรับภาษาไทย unicode และ ​HTML ครับ


และหากท่านมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ หรืออยากฝากอะไรถึงครอบครัวน้อยๆ ของเรา สามารถทำได้โดยคลิกที่ลิ๊งค์ที่ชื่อ comments ด้านล่างของแต่ละบทความครับ


ขอบคุณครับ