1.15.2009

สุขสันต์วันดโรฑี


ดโรฑีขวบนึงแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าในช่วงนี้ของปีก่อนผมกำลังอุ้มมนุษย์ตัวจิ๋วที่ทำอะไรเองไม่ได้แม้แต่ชันคอหรือพลิกตัวในเวลานอน มนุษย์จิ๋วคนนั้นไม่ค่อยมีผม แขนขาก็ผอมๆ เล็กๆ หน้าตาก็ประหลาด ชอบลืมตาขึ้นมามองเวลาที่มีแสงผ่านหน้า เวลาสบายตัวก็ยิ้ม เวลาหิวก็ร้องเสียงแกรก เวลาผ้าอ้อมเปียกแม้แต่นิดหนึ่งก็ร้องหย่อยๆ เวลาตื่นนอนก็จะชูกำปั้นขึ้นมาข้างนึงส่วนอีกข้างเอาซุกไว้กับอก ทำท่าเหมือนพวกยอดมนุษย์เวลาเหาะ ตื่นนอนมาทานนมทุกสามชั่วโมง ทานแล้วก็อึ อึแล้วก็ร้องหย่อยๆ อีก เวลาจะพาอุ้มเดินให้หลับผมก็ต้องเอามือนึงประคองหลังและท้ายทอยไว้ ส่วนอีกมือก็ช้อนก้น เพราะมนุษย์จิ๋วตัวเล็กมาก ขนาดใหญ่กว่าขวดน้ำดื่มขวดเล็กหน่อยนึง จะว่าไปแล้วก็คือตัวเขาขนาดเท่าฝ่ามือของผมพอดี ส่วนมากผมจะเป็นคนอุ้มกล่อมเพราะแป้งเขายังเหนื่อยจากการคลอด

ก่อนที่จะได้เห็นหน้ากันในห้องคลอดผมก็เคยจินตนาการไว้ต่างๆ ว่าชีวิตของผมจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ตั้งแต่ตอนที่แป้งท้องต้องประคบประหงมกันมา จะไปเที่ยวทะเลเที่ยวเกาะอย่างที่เคยชอบกันสองคนก็ไปได้ไม่สนิทใจ ถ้าเธอไม่ดิ้นตามเวลาประจำของเธอก็จะเป็นกังวล ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อไรที่เธอออกมาผมคงไม่ได้พักผ่อนอีกต่อไป และในช่วงแรกๆ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่คืนที่พาแป้งเข้าไปรอคลอดที่โรงพยาบาล จนหลังคลอดที่คุณพยาบาลเขาคอยผลัดกันมาสอนวิธีดูแลเด็กอ่อนต่างๆ จนกระทั่งกลับมาบ้านและอีกราวๆ สองอาทิคย์หลังจากนั้น ผมไม่ได้นอนเลย จะหลับก็เป็นห่วง พอกำลังเคลิ้มๆ จะงีบหน่อยเขาก็ตื่นพอดี ผมเหนื่อยมาก แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าจะเหนื่อย คิดไว้ว่า ชีวิตเราต่อจากนี้คงจะเป็นอย่างนี้ตลอด มีแต่ความห่วงกังวลกับความเหนื่อย

พอสักเดือนนึงผ่านไป พอผมอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเธอมองเห็นผม หรือจะเป็นได้กลิ่นหรือได้ยินเสียงก็ไม่อาจทราบได้ แล้วเธอยิ้มปากกว้างให้ผม ผมหายเหนื่อยทันที ผมรู้สึกว่าทั้งหมดที่เหนื่อย ทั้งหมดที่กังวล ทุกสิ่งที่ทำเพิ่มขึ้นมาโดยไม่เคย compromise อะไรเลยนั้น มัน pays off ความสุขของดโรฑีตัวน้อย รอยยิ้มของเธอคือช่วงเวลาพักผ่อนของผม

ในวันนี้ดโรฑีจูงผมเดินไปทั่วทั้งในบ้านและในสวน จะไปไหนเราก็ไปด้วยกัน ถึงเธอจะยังพูดภาษาจริงๆ ได้ไม่กี่คำ แต่เธอก็มีภาษาของเธอเองที่สื่อให้ผมเข้าใจได้ ผมจะทำอะไรก็มีเธอตัวน้อยๆ นั่งหรือยืนดูอยู่ข้างๆ พอเธอเบื่อสิ่งที่ผมทำ เราก็จะผลัดไปทำอะไรที่เธออยากทำบ้าง เช่นเดินเล่น หรือขึ้นไปเล่นของเล่นหรืออ่านหนังสือบนเตียงด้วยกัน ทุกครั้งที่เธอค้นพบอะไรใหม่ๆ หรือสงสัยอะไร เธอก็จะแสดงให้ผมดู ถ้าเป็นสิ่งของก็จะหยิบมายื่นให้ผมสาธิตให้ดู เวลาอยากเล่นอะไรก็จะหันมามองและยิ้มเป็นเลศนัย

เธอเริงร่าอยู่ตลอดเวลาที่อยู่กับผม เมื่อเปิดหรือร้องเพลงที่ชอบให้ฟังเธอก็จะทำเสียงคลอตาม เวลาตื่นก็จะปลุกผมขึ้นมาเล่นด้วย เวลาจะนอนก็จะเรียกให้ผมไปจัดที่นอนให้และให้ร้องเพลงกล่อม ผมมีความสุขมาก ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมเป็นที่ต้องการหรือมีความสำคัญกับใครขนาดนี้มาก่อน เธอคงเป็นคนๆ เดียวในโลกที่รักและยอมรับผมในทุกสิ่งที่ผมให้และในสิ่งที่ผมเป็น ยิ่งผมรักเธอมากผมก็เห็นความรักและความทุ่มเทของผมกลับคืนมาในสายตาและในรอยยิ้มของเธอ ในมือน้อยๆ ที่กำนิ้วมือผมไว้มั่น ในไออุ่นของแก้มน้อยๆ ที่แนบกับหน้าผม ในผมนุ่มๆ ของเธอที่มาซุกอยู่ที่คอผมเวลาที่เธอหลับอยู่ข้างๆ

ธอเป็นทั้งเพื่อนและทั้งนักเรียนที่น่ารักของผม และในขณะเดียวกันเธอก็ยังเป็นครูของผม เธอสอนให้ผมรักและเข้าใจและยอมรับความเป็นมนุษย์ทั้งในส่วนดีและข้อด้อยของมันของตัวผมเองและคนรอบข้างมากขึ้น เธอใสและเรียนรู้ทุกสิ่งรอบตัวโดยการทดลองด้วยสัญชาติญาณพื้นฐานที่ธรรมชาติให้เธอมา จากมนุษย์น้อยๆ ที่เรียบง่าย กลายเป็นเก่งขึ้น กล้าขึ้น ซับซ้อนขึ้นทุกขณะ

เธอเป็นชีวิตและเป็นผลงานชิ้นเอกของผมณวันนี้และตลอดไป I love you, Daddy's Little Bunny Girl!

สวัสดีปีใหม่ 2552



สวัสดีปีใหม่ครับ

ผมหายหน้าไปนานหลายเดือนไม่ได้เข้ามาเขียน ที่จริงแล้วก็มีร่างๆ ไว้ใน textedit อย่างสม่ำเสมอทุกๆ เดือน แต่ก็ไม่มีเวลาจะมาเขียนต่อให้เสร็จก็เลยรอไว้ ยกยอดเรื่องที่เขียนมารวมกับของเดือนต่อไป แต่แล้วก็เขียนไม่เสร็จอยู่นั่นเอง ก็ยกยอดต่อมาเรื่อยๆ จนข้ามปีก็ยังไม่มีใครได้อ่านเรื่องที่ผมอยากจะเล่าเมื่อสามเดือนก่อน


พอกันทีครับ ไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ผมคงต้องยอมรับว่าการเป็นพ่อนั้นเป็นงาน full-time จริงๆ ส่วนเวลาที่เหลือของผมก็หมดไปกับการปรับสีรูปของลูกค้าที่ถ่ายมาในแต่ละอาทิตย์ หากจะมาคาดหวังว่าจะเหลือเวลาไว้เขียน blog เล่าเรื่องยาวเป็นหน้าๆ ได้ทุกคราวไปคงเป็นไปได้ยาก นี่ยังไม่นับหน้าที่การเป็นสามีผู้น่ารักของแป้ง หรือการเป็นลูกชายโง่ๆ ของคุณแม่ ซึ่งทุกหน้าที่นั้นก็ล้วนแต่ต้องการเวลาและการเอาใจใส่ไม่แพ้กัน


ในปีใหม่นี้ผมตั้งใจว่าจะเขียนให้สั้นลง แต่เขียนให้บ่อยขึ้น ที่จริงแล้ว blog ของช่างภาพท่านอื่นๆ บน web ไม่ว่าจะเป็นคุณ Joe McNally หรือคุณ その江 ต่างก็ใช้รูปแบบนี้ทั้งสิ้น ข้อดีก็คือ ได้เนื้อหาที่สดใหม่ทันเหตุการณ์กว่า และยังสามารถเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่มีในขณะนั้นไว้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มสาระและอรรถรสในการอ่านได้อีกด้วย จะว่าไปแล้วทั้งสองท่านที่กล่าวมานั้นงานยุ่งกว่าผมมากชนิดเทียบกันไม่ได้ แต่หากทั้งสองท่านยังมีเวลามาเขียน blog สนุกๆ ให้พวกเราอ่านได้ ผมเองก็น่าจะทำได้เช่นเดียวกัน


ขอเริ่มโดยการประมวลเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ยังไม่ได้เล่าให้ทุกท่านฟังตั้งแต่ฉบับหน้าเป็นต้นไปครับ